ความฝันสูงสุดของการลงทุนในบ้านที่คนส่วนใหญ่อยากเห็นกันก็คือการขายบ้านให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยได้ราคาดีพร้อมๆ กันไปด้วย
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าบ้านหลังนั้นๆ เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อมากน้อยแค่ไหน บ้านหลังใดยิ่งมีผู้อยากซื้อมาก หรือเป็นบ้านที่ภาษาตลาดเรียกว่า “Hot” ก็จะส่งผลให้บ้านหลังนั้นมีโอกาสขายได้เร็วและได้ราคามากขึ้นเพียงนั้น บางครั้งอาจขายได้สูงกว่าราคาที่อยากขายเสียด้วยซ้ำ
ในแง่ของการลงทุนแล้วมีเทคนิคที่อาจนำมาใช้ทำให้บ้าน Hot ขึ้นได้ ทั้งนี้กูรูแนวหน้าของโลกแนะนำไว้ว่าสามารถทำได้โดยอาศัยเคล็ดลับ 6 ประการดังนี้
1. ต้องตั้งราคาขายบ้านให้เหมาะสม ราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่จะดึงดูดให้คนสนใจเข้ามาซื้อบ้าน ปกติในการขายบ้านใครๆ ก็ล้วนอยากขายบ้านให้ได้ราคาสูงๆ ด้วยกันทั้งนั้น แต่หากตั้งราคาสูงเกินไปก็จะกลายเป็นกำแพงกั้นผู้ซื้อให้หนีหาย ไม่เข้ามาเจรจาต่อรองไปโดยปริยาย เพราะราคาที่ตั้งไว้ส่อเจตนาให้เห็นว่าผู้ขายไม่มีแรงจูงใจในการขายบ้านแต่อย่างใด จึงทำให้ไม่มีใครอยากจะเข้ามาเจรจาต่อรองด้วย
การตั้งราคาขายบ้านจึงต้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับตลาดด้วย ซึ่งจะทำให้โอกาสที่ลูกค้าจะให้ความสนใจติดต่อเข้ามามีมากขึ้น ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าเป้าหมายในการขายบ้านก็คือการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งมากเท่าไหร่โอกาสที่จะขายได้ราคาดีๆ ก็มีมากเท่านั้น
อย่างไรก็ดีในหลายๆ กรณีแม้ตั้งราคาโดยอิงจากมูลค่าที่ควรจะเป็นหรือราคาตลาดแล้ว ก็อาจยังไม่สามารถเรียกความสนใจจากลูกค้าได้ วิธีแก้ทางหนึ่งก็คือการจูงใจผู้ซื้อโดยตั้งราคาขายให้ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย เพื่อจูงใจให้มีลูกค้าหลายๆ รายมาสู้ราคากัน
2. ซ่อมแซมและตกแต่งบ้านก่อนขาย การซ่อมแซมและตกแต่ง มักเป็นเรื่องที่หลายคนมักมองข้ามกันอยู่เสมอ ให้ลองวาดมโนภาพดูว่าถ้ากำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าในร้านแห่งหนึ่งอยู่ แต่พอหยิบขึ้นมาดูกลับพบว่าเสื้อผ้านั้นมีรอยเปื้อนและรอยด่างเราเองคงไม่ซื้อเสื้อผ้าชุดนี้เป็นแน่แต่จะเปลี่ยนไปซื้อที่ร้านอื่นแทน ซึ่งเสื้อผ้าที่มีตำหนินี้หากร้านต้องการขายจริงๆ ก็ต้องลดราคาลงครึ่งหนึ่งหรือต่ำกว่านั้น เพื่อจูงใจให้คนอยากซื้อกัน
การขายบ้านก็มีลักษณะไม่แตกต่างจากการขายเสื้อผ้าแต่อย่างใดบ้านที่มีตำหนิ เช่น สีลอกหรือถลอกมีรอยแตกร้าวที่ผนังหรือพื้น พรมเปื้อนหรือมีรอยด่าง ฯลฯ ก็จะส่งผลให้ลูกค้าดีๆ หนีหายไปได้เช่นกัน จะเหลือก็แต่เฉพาะลูกค้าประเภทเขี้ยวลากดิน ที่ต่อรองซื้อในราคาต่ำเรี่ยพื้นจนทำให้ต้องรู้สึกหงุดหงิด
ดังนั้นการซ่อมแซมและตกแต่งบ้านให้กลับมาดูมีสภาพใหม่หรือเป็นปกติ ยิ่งทำแล้วกลับมาดูดีเหมือนบ้านใหม่มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสที่ลูกค้าจะสนใจเข้ามาซื้อมากเท่านั้น
3. ทำตลาดให้คนรับรู้ คนทั่วไปมักคิดว่าขอเพียงให้บ้านดีและน่าสนใจเท่านั้น คนก็จะรับรู้และเข้ามาซื้อบ้านกันเอง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมหันด์ เพราะในแต่ละช่วงเวลามีบ้านประกาศขายอยู่มากมายนับพันหมื่นหลัง ทำให้ยากมากที่ผู้ซื้อจะทราบหรือรับรู้ได้ว่ามีบ้านหลังหนึ่งหลังใดประกาศขายอยู่
การขายบ้านจะเกิดขึ้นได้หรือไม่จึงขึ้นอยู่กับว่าจะต้องหาทางทำให้ลูกค้าทราบให้ได้ว่า มีบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่น่าสนใจหลังหนึ่งขายอยู่ในตลาดด้วย ถ้าไม่ทำอะไรเลย มัวรอพรหมลิขิตหรือรอให้ลูกค้าผ่านมาเจอด้วยตัวเองคงต้องอาศัยระยะเวลาเป็นปีๆ
วิธีทำตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อรับทราบหรือรับรู้สามารถทำได้หลายวิธี ที่ง่ายที่สุดก็คือฝากขายบ้านกับนายหน้าที่มีชื่อเสียงและผลงานเป็นที่ยอมรับ เพื่อให้แน่ใจว่าบ้านของเราจะถูกนำไปโฆษณาในนิตยาสารหรือในอินเตอร์เน็ต วิธีนี้แม้ทำได้ง่ายแต่ก็มีข้อเสียตรงที่เวลาขายได้ต้องเสียค่านายหน้า
อีกวิธีหนึ่งก็คือการโฆษณาขายบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งอาจลงโฆษณาฟรีหรือเสียเงินก็ได้ ทั้งตามหน้านิตยสาร ในอินเตอร์เน็ต วิทยุหรือทีวีในท้องถิ่น เคล็ดลับก็คือต้องพยายามทำให้แพร่หลายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
และวิธีสุดท้ายซึ่งเป็นวิธีพื้นๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด ก็คือบอกข่าวการขายบ้านให้แก่คนใกล้ชิด เช่น นายหน้า เพื่อน สมาชิกในชมรม หรือสมาคมต่างๆ หรือทุกคนที่รู้จักเพื่อบอกข่าวกันต่อๆ ไป วิธีบอกข่าวปากต่อปากนี้แม้เป็นวิธีแบบชาวบ้านๆ แต่ก็ถือเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลดีไม่แพ้วิธีอื่นเลยที่เดียว
4. ต้องเป็นนักเจรจาต่อรองตัวยง การจะขายบ้านให้ได้ราคาดีมากน้อยเพียงใดนั้น อีกด้านหนึ่งยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการเจรจาต่อรอง และความสามารถในการจูงใจให้ผู้ซื้อเชื่อในสิ่งที่นำเสนอด้วย ปัญหาที่พบกันก็คือบ่อยครั้งผู้ขายบ้านมักตกเป็นเบี้ยล่างหรือเป็นฝ่ายตั้งรับให้กับผู้ซื้อ ด้วยความที่อยากจะขายบ้านให้ได้เร็วๆ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อผู้ขายแต่อย่างใด เพราะสถานการณ์เช่นนี้มักจบลงด้วยราคาเสนอซื้อที่ต่ำมาก หรือถูกลูกค้าขู่ว่าจะไม่ซื้อ
วิธีรับมือกับลูกค้าที่ควรทำ ก็คือการจัดเตรียมข้อมูลการขายเปรียบเทียบกับบ้านหลังอื่นๆ ไว้ในมือให้พร้อม เพื่อชี้ให้ลูกค้าเห็นว่าราคาที่ตั้งขายเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เช่น ชี้ให้ลูกค้าหรือคนมาดูบ้านรับทราบว่าบ้านหลังนี้กำลังมีผู้ซื้อรายอื่นสนใจอยู่ด้วย (ในกรณีถ้ามีจริง) หรือแสดงให้ลูกค้าเห็นสิ่งที่ปรับปรุงลงไปในบ้าน รวมถึงชี้ให้ลูกค้าเห็นข้อดีหรือจุดเด่นของบ้านหลังนี้ในเรื่องต่างๆ เช่น มีเพื่อนบ้านดี อยู่ใกล้โรงเรียนที่ดี เพื่อให้ลูกค้าอยากซื้อบ้านในราคาสูงขึ้งและอยากเป็นเจ้าของเร็วๆ
5. ทำให้คนเชื่อว่าบ้านที่ขายเป็นบ้านที่ Hot ใครๆ ก็อยากได้ สิ่งสำคัญที่สุดเวลาขาบบ้านก็คือทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการขาบบ้านทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า นายหน้า ผู้ประเมินและนายแบงก์เชื่อให้ได้ว่าบ้านที่เราประกาศขายนี้เป็นบ้านที่ Hot มาก ใครๆ ก็อยากได้ เป็นบ้านที่จะขายได้เร็วและได้ราคาด้วย
แนวทางอาจทำได้มากมายหลายวิธีด้วยกัน เช่น อ้างอิงสถิติหรือข้อมูลการขายในช่วงที่ผ่านมาโดยอาจอ้างถึงบ้านแบบเดียวกันที่เพิ่งขายไปเมื่ออาทิตย์ก่อนซึ่งขายไปในราคาแพงกว่า ทั้งๆ ที่บ้านที่เพิ่งขายนี้เป็นบ้านที่มีทำเลที่ดีกว่า หรืออาจเป็นเพราะผู้ซื้อไม่ทราบภาวะตลาดจึงซื้อในราคาแพงจนเกินไป
หรืออาจอ้างอิงจากมูลค่าการปรับปรุงบ้านที่ไม่ได้รวมเข้ามาในราคาขายบ้าน หรืออ้างอิงชักจูงให้เห็นว่าบ้านที่ประกาศขายเป็นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมหาไม่ได้อีกแล้ว หรือเป็นบ้านที่ใช้เงินดาวน์น้อยกว่าบ้านหลังอื่น
การทำให้คนเชื่อโดยอาศัยการอ้างอิงจุดขายเปรียบเทียบดังกล่าวข้างต้น เป็นการประยุกต์ใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วยในการขาย ภายใต้หลักการก็คือพยายามหาจุดเด่นเปรียบเทียบมากล่าวอ้างให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งหาออกมาได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
หลายคนอาจไม่เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นกุญแจดอกสำคัญประเภทชี้เป็นชี้ตายให้กับการขายบ้านเลยที่เดียวเพราะหากสามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อว่าบ้านที่ประกาศขายเป็นบ้านที่ Hotได้แล้ว บ้านแม้ตั้งราคาสูงก็ยังขายได้อยู่ดี แต่ในทางตรงข้ามหากคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าบ้านไม่ Hot ต่อให้บ้านหลังนั้นตั้งราคาขายบ้านต่ำมากเพียงใดยังไงคนก็จะไม่สนใจซึ่งจะส่งผลให้บ้านหลังนั้นค้างเติ่งประกาศขายอย่างไรก็ขายไม่ได้สักที